ในบทความนี้ เราจะพาท่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับกติกาของบาคาร่าและการวางเดิมพันในแต่ละประเภทว่าจะมีกติกาอย่างไรบ้าง มาเริ่มกันโดยดีกว่า แต่เกมที่ถือว่าถ้าพูดถึงคาสิโนนั้นคนจะหนีไม่พ้นเกมบาคาร่าอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นเกมที่ได้รับการนิยมเล่นจากเหล่านักพนันทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เนื่องจากบาคาร่าเป็นเกมที่เล่นง่ายมาก เป็นการวางเงินเดิมพันระหว่างฝั่งของเจ้ามือและฝั่งของผู้เล่น ซึ่งสามารถวางเดิมพันได้ 3 แบบนั่นก็คือ เจ้ามือชนะ ผู้เล่นชนะ และ เสมอนั่นเอง เมื่อผู้เล่นแทงชนะก็จะได้เงินมาเลย ซึ่งผลตอบแทนนั้นขึ้นอยู่กับทางเว็บไซต์คาสิโนที่เป็นผู้กำหนดนั่นเอง เกมบาคาร่านั้นเป็นเกมที่ใช้เวลาในการเล่นเพียงตาละ 15-20 วินาทีเท่านั้นเอง ความเสี่ยงในการเล่นจะอยู่ที่ประมาณ 40-50 % และมีเทคนิคการอ่านเค้าไพ่ต่าง ๆ ให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการเดิมพันได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจกับวิธีเล่นบาคาร่านั้น เริ่มต้นมาทำความเข้าใจกับจำนวนแต้มของตัวไพ่กันก่อน โดยที่ไพ่ Ace จะมีค่า 1 แต้ม ,ไพ่ 2 จะมีค่า 2 แต้ม ,ไพ่ 3 จะมีค่า 3 แต้ม ,ไพ่ 4 จะมีค่า 4 แต้ม ,ไพ่ 5 จะมีค่า 5 แต้ม ,ไพ่ 6 จะมีค่า 6 แต้ม ,ไพ่ 7 จะมีค่า 7 แต้ม ,ไพ่ 8 จะมีค่า 8 แต้ม ,ไพ่ 9 จะมีค่า 9 แต้ม และไพ่ 10 ,J ,Q ,K จะมีค่า 0 แต้มนั่นเอง และนอกจากที่เราจะต้องรู้แต้มไพ่แล้ว อย่างต่อมาก็ต้องมาขยายความศัพท์เทคนิคในการเล่นบาคาร่ากันด้วย ไม่ว่าจะเป็น Player ที่แปลว่าผู้เล่น และ Banker ที่แปลว่าเจ้ามือหรือดีลเลอร์ ซึ่งตามปกติของเกมไพ่บาคาร่านั้นมักจะมีสองฝั่งให้ผู้เล่นนั้นเลือกวางเดิมพันระหว่างฝ่าย Player และ Banker โดยผู้ที่วางเดิมพันทางฝั่งเจ้ามือ เมื่อชนะเดิมพันจะถูกหักค่าคอมมิชชั่นจากโต๊ะเป็นเงิน 5% ของรางวัลที่ได้
เมื่อเราพอรู้ศัพท์เทคนิคบางส่วน และร่วมถึงแต้มของไฟแต่ละใบแล้ว ให้เรากลับมาสู่กติกาการเล่นบาคาร่ากัน โดยในการเล่นบาคาร่าแต่ละเกม แต่ละฝ่ายจะได้รับไพ่อย่างน้อย 2 ใบ แต่ไม่เกิน 3 ใบ ไพ่บาคาร่าใบแรกกับใบที่สามนั้นจะแจกจากกองให้แก่ฝ่ายผู้เล่น ส่วนใบที่สองกับใบที่สี่แจกให้ฝ่ายเจ้ามือ และถ้าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องการไพ่ใบที่สามนั้น ก็จะมีเงื่อนไขตามกติกาพิเศษ คือ ทางฝั่งของ Player ถ้าแต้ม 2 ใบแรกรวมกันได้ต่ำกว่า 5 (0,1,2,3,4,5) ต้องจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ แต่ถ้าได้ไพ่แต้ม 2 ใบแรกรวมกันได้ 6 หรือ 7 ไม่ต้องจั่วแล้ว ส่วนทางฝั่งของเจ้ามือ (Banker) นั้น ถ้าแต้มของ Banker ต่ำกว่า 2 แต้ม จั่วเพิ่มทันที 1 ใบ แต่ถ้ามากกว่า 3 แต้มจะมีกฎเข้ามาควบคุมเกี่ยวกับการจั่วไพ่ของ Banker
1.ถ้าเจ้ามือได้ 3 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นนั้นได้ 8 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
2.ถ้าเจ้ามือได้ 4 แต้ม และไพ่ใบที่ 3 ของผู้เล่นนั้นได้ 0,1,8,9 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
3.ถ้าเจ้ามือได้ 5 แต้ม และไพ่ใบที่ 3ของผู้เล่นนั้นได้ 0,1,2,3,8,9 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
4.ถ้าเจ้ามือได้ 6 แต้ม และไพ่ใบที่ 3ของผู้เล่นนั้นได้ 0,1,2,3,4,5,8,9 = เจ้ามือไม่ต้องจั่วเพิ่ม
5.ถ้าเจ้ามือได้ 7 แต้ม ไม่ต้องจั่วเพิ่ม
สำหรับกฎบาคาร่าต่าง ๆ เหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขในการเล่นนพันที่ทำให้เกมนั้นเกิดความสนุกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในการเล่นเกมบาคาร่านั้นยังมีเรื่องของไพ่แนชเชอรัล เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยที่ไพ่แนชเชอรัลนั้นมีส่วนที่ใกล้เคียงกับการเล่นป๊อกเด้งที่เรารู้จักกันก็คือ ป๊อกแปดกับป๊อกเก้า นั่นเอง ซึ่งไพ่แนชเชอรัลจะหมายถึงการได้แต้มรวม 8 แต้ม หรือ 9 แต้ม จากไพ่สองใบแรก ซึ่งเมื่อขึ้นหน้าไพ่แบบนี้แล้วทั้งสองฝ่ายจะไม่มีสิทธิ์จั่วไฟอีก และตามปกติไพ่ที่มีแต้มเหนือกว่าไพ่แนชเชอรัล 8 แต้ม ก็คือไพ่ไพ่แนชเชอรัล 9 แต้มนั่นเอง ส่วนสิ่งที่จะทำให้เราชนะเกมได้ก็คือเทคนิคการเล่นบาคาร่า
ในการเล่นบาคาร่านั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเดิมพันฝั่งที่จะชนะระหว่าง Banker กับ Player แต่ยังมีการเดิมพันอีกหลายรูปแบบ ซึ่งก็คือ
2.Player Pair หรือการเดิมพันผู้เล่นออกคู่ มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 11 เท่า
3.Banker Pair หรือการเดิมพันเจ้ามือออกคู่ มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 11 เท่า
1.Tie Game หรือการเดิมพันเสมอระหว่างเจ้ามือและผู้เล่น มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 8 เท่า
อัตราการต่อรองนั้นถือได้ว่าเป็นมาตรฐานของทุกคาสิโนเลยก็ว่าได้ แต่ในบางเว็บไซต์นั้นอาจจะมีอัตราการต่อรองที่แตกต่างกันไป ในการเลือกเล่นนั้นเว็บไซต์คาสิโนนั้น คุณควรคิดถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะคุณจะได้การรับรองได้ว่าเป็นอัตราต่อรองที่ดีที่สุด ยุติธรรมและสามารถเชื่อถือได้ เนื่องจากได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและเป็นทางการ