“โตเกียวโอลิมปิก 2020” นั้นจะเริ่มต้นในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาแล้ว ในตอนนั้นนักกีฬาบางประเทศที่เริ่มบินไปเก็บตัวที่ญี่ปุ่น ก็มีเสียงต่อต้านของประชาชนเจ้าบ้าน หลายคนไม่อยากให้จัดงานนี้ขึ้นเพราะสถานการณ์โควิดยังไม่ซาลง และกรุงโตเกียวยังอยู่ในภาวะฉุกเฉิน แต่ว่านี่ไม่ใช่เพียงปัญหาเดียวที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางสู่โตเกียวโอลิมปิกของแดนอาทิตย์อุทัยที่เกิดขึ้น
ต่อไปนี้คือ 10 เรื่องดราม่าที่เคยเกิดขึ้นมานับตั้งแต่การประกาศตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกจนถึงก่อนที่จะมีงานจัดขึ้นจริงๆ มีทั้งเรื่องน่ากังขา ปัญหาเก่าๆ เรื่องที่ร้ายแรงที่สุด เรื่องใต้สะดือ และปัญหาที่คนเป็นเจ้าของประเทศกลับไม่อาจตัดสินใจในการที่โอลิมปิกครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางโรคระบาดได้
“พอเถอะ อย่าจัดโอลิมปิก” “ยกเลิกโตเกียวโอลิมปิกซะ” “ดับไฟคบเพลิงโอลิมปิกเหอะ!”
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างเล็กๆ จากป้ายของคนโตเกียวออกมาถือเดินขบวนประท้วงการจัดแข่งขันกีฬา ซึ่งถ้าย้อนไปไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ คงไม่มีใครเชื่อว่าอนาคตจะเกิดเรื่องโรคระบาดไปทั่วโลกแบบนี้ขึ้นได้ เพราะการแข่งโอลิมปิกที่โตเกียวนั้นเป็นความฝันอันสวยงามเหลือเกิน
โตเกียวโอลิมปิก 2020 สามารถดึงความสนใจให้ทั้งโลกเฝ้าติดตามตั้งแต่การแสดงในพิธีปิดโอลิมปิกริโอ ณ ประเทศบราซิลเมื่อปี 2016 ที่ใช้ตัวละครชื่อดังจากป๊อปคัลเจอร์ญี่ปุ่น เช่น ฮัลโหลคิตตี้ กัปตันซึบาสะ หรือ แพคแมน มารวมตัวกัน
นอกจากนั้นยังมีฉากนายกฯ ญี่ปุ่น ณ ขณะนั้นอย่าง ชินโซ อาเบะ แปลงร่างเป็นลุงมาริโอ้ ที่ลงท่อวาร์ปของโดราเอม่อนไปยังริโอ เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างมาก
การรวมมิตรครั้งนี้ ทำให้เด็กที่เติบโตมาในยุคช่องเก้าการ์ตูนและเครื่องเกมกดอย่างหลายท่าน ตื่นเต้น และมั่นใจว่าโอลิมปิกครั้งนี้มันต้อง “สุโก้ย” อย่างแน่นอน!
อย่างที่ทุกคนคาดหวังกันไว้ว่าในวันนี้ มหกรรมกีฬาที่ควรจะ “เจ๋ง” ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ดูท่าจะ “เจ๊ง” อย่างหนักที่สุด จากนี้จะขอพูดถึงปัญหาหลายอย่างที่ถาโถมมาในการแข่งขันครั้งนี้ ประดุจสวรรค์กลั่นแกล้งญี่ปุ่น
(1) ข้อกล่าวหาใช้เงินใต้โต๊ะซื้อสิทธิ์เจ้าภาพ
เพียงแค่ตอนคัดเลือกตัวแทนก็มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะมีการสืบพบว่าญี่ปุ่นอาจจะได้สิทธิ์การจัดงานโอลิมปิกมาอย่างไม่โปร่งใส จากหลักฐานการโอนเงินจากสถาบันการเงินในญี่ปุ่นจำนวนราวๆ เกือบ 50 ล้านบาท เข้าบัญชีบริษัทของลูกชายที่ปรึกษาสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ ซึ่งเคยทำงานในคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) อยู่นาน และยังมีอิทธิพลกับองค์กรมาก
ญี่ปุ่นซึ่งมีภาพลักษณ์ของความหยิ่งในศักดิ์ศรี ซื่อสัตย์ ทำอะไรอย่างตรงไปตรงมา ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ทันที และประกาศว่าจะร่วมมือกับตำรวจฝรั่งเศสซึ่งเป็นหน่วยงานที่ค้นพบความผิดปกติของบัญชีอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน IOC เองก็กล่าวว่าพร้อมให้ทางฝรั่งเศสเข้ามาคุยด้วยเช่นกัน
ผ่านไปหลายปีจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีคำตอบว่าญี่ปุ่นใช้เงินใต้โต๊ะจริงไหม แต่บอกได้ว่า ผลลงเอยของมันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ญี่ปุ่นอยากได้นัก ซึ่งจะกล่าวในข้อต่อไป
(2) ข้อขัดแย้งทางด้านดีไซน์
แน่นอนว่าสนามกีฬาในการแข่งขันครั้งนี้มันจะต้องปัง ญี่ปุ่นจึงถึงกับลงทุนจ้างสถาปนิกชื่อดังนาม ซาฮา ฮาดิด ผู้เคยฝากผลงานไว้กับสนามลอนดอนโจอลิมปิก 2012 ให้มาออกแบบสนามกีฬาใหม่ ซึ่งเธอก็ออกมาเป็นสนามกีฬาที่มีหลังคาทรงโค้งโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ แต่พอแบบออกมาแล้ว หลายคนกลับมองแล้วว่ามันเหมือนเต่า
แม้กระทั่งสถาปนิกญี่ปุ่นผู้ออกแบบสนามกีฬาสำหรับโตเกียวโอลิมปิก 1964 ยังให้สัมภาษณ์กับ BBC ด้วยความฉุนเฉียวว่า ผมบอกเลยว่ามันประหลาด หลายคนก็พูดแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง เขามองว่าพวกคนใหญ่คนโตแค่อยากจะโชว์ฉากหน้าล้ำๆ แต่ตัวอาคารเอาไปใช้จริงได้ไม่ดี เพราะหลังคาโค้งๆ จะบังแสงระหว่างแข่งขัน แถมยังสิ้นเปลืองงบสร้างให้ซับซ้อนอีกต่างหาก
สุดท้ายทางการก็ยอมถอนไอเดียสนามกีฬาดังกล่าวทิ้ง แต่ก็ยังมีปัญหากับดีไซน์ของสิ่งอื่นๆ ไม่ว่าจะโลโก้ที่แรกสุดดูเหมือนจะไปก๊อบปี้โลโก้โรงละครในเบลเยี่ยม จนถูกเปลี่ยนมาเป็นโลโก้ที่เห็นในปัจจุบัน
หรืออย่างชุดอาสาสมัครที่ออกแบบเหมือนชุดเสื้อฮัปปิโบราณ กับหมวกกันแดดของอาสาสมัครจัดงานที่ออกแบบมาเหมือนหมวกฟางแบบดั้งเดิม แต่แทนที่คนจะมองว่าดูดี กลับโดนชาวเน็ตนำไปล้อว่าเชย ยากที่จะเอาใจทุกคนจริงๆ
(3) ย้ายที่ทำกินประชาชน
การจัดโอลิมปิกนั้นต้องเคลียร์พื้นที่สำหรับการสร้างสาธารณูปโภค เช่น สนามกีฬาแห่งใหม่ เพื่อรองรับผู้คนจำนวนมากจากทั่วโลกให้ได้รับความสะดวกสบาย
ในมุมกลับกัน มันทำให้ชาวโตเกียวบางส่วนลำบาก เพราะโดนย้ายที่อยู่อาศัยและที่ทำกินออกจากแหล่งเดิม ซึ่งผู้คนจำนวนไม่น้อยก็เป็นผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมานานนับสิบๆ ปี
แม้แต่ตลาดปลาประมูลปลาซึคิจิอันเก่าแก่ที่อยู่ของมันมาตั้งแต่ปี 1935 ยังถูกย้ายไปย่านโทโยสุในปี 2018 ถึงแม้จะห่างจากเดิมไม่มาก แต่คนในตลาดเดิมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งเศร้าทั้งเสียดายที่จะต้องย้ายเพราะผูกพันกับพื้นที่มานาน และมันกลายเป็นภาพจำของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนไปแล้วด้วย
(4) ประธานจัดงานจอมเหยียด
ความหัวโบราณชอบยกตนเป็นใหญ่ของผู้ชายญี่ปุ่นนั้นเลื่องลือมาก เราจึงมักได้ยินข่าวผู้หญิงญี่ปุ่นถูกปฏิบัติด้วยความไม่เท่าเทียมหรือโดนกีดกันจากตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่เรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่กับงานใหญ่ระดับนานาชาติเช่นโอลิมปิกก็ยังมีเหตุเช่นนี้ให้เห็นเหมือนกัน
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 นายโมริ โยชิโระ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกวัย 83 ปี (ซึ่งเคยเป็นนายกด้วยในปี 2000) หลุดปากวิจารณ์ว่าการที่พวกผู้หญิงมาเข้าประชุมด้วยนั้นทำให้กระบวนการยืดเยื้อ มากคนมากความ ว่าง่าย ๆ ก็คือผู้หญิงพูดมากเกินไปนั่นเอง
ทัศนคติเหยียดเพศของเขาสร้างความไม่พอใจและเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ไม่ว่าจากแฟนกีฬา อาสาสมัครผู้จัดงาน สปอนเซอร์ใหญ่อย่างโตโยต้า ชาวเน็ตทั้งในและนอกญี่ปุ่น รวมไปถึงภรรยา ลูกสาวและหลานสาวของนายโมริเอง ที่ต่างดุเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมเขาพูดจาใส่ผู้หญิงไม่ดีอีกแล้ว
สุดท้ายเจ้าตัวเลยต้องออกมาขอโทษกับสื่อ และจำใจลาออกจากตำแหน่งไปในที่สุด โดยมีนางฮาชิโมโตะ เซโกะ อดีตนักกีฬาโอลิมปิกหลายสมัย มารับตำแหน่งแทน
(5) นักกีฬาข้ามเพศสามารถเข้าแข่งได้เหรอ?
เมื่อทาง IOC และองค์กรกีฬาต่าง ๆ อนุมัติให้ ลอเรล ฮับบาร์ด นักกีฬายกน้ำหนักชาวนิวซีแลนด์ที่แปลงเพศจากชายมาเป็นหญิง สามารถเข้าแข่งกับนักกีฬาหญิงแท้ได้ หลังผ่านตรวจปริมาณฮอร์โมนเพศชายว่าไม่มากไปกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ มันก็ทำให้เกิดดราม่าขึ้นทันที
นักกีฬายกน้ำหนักหญิงคนอื่น เช่นตัวแทนเบลเยียมได้ให้สัมภาษณ์ว่า แม้เธอจะสนับสนุนเพศทางเลือก แต่มันต้องไม่กระทบใคร
การตัดสินใจนี้ดูไม่ยุติธรรมต่อทั้งวงการกีฬาและนักกีฬาหญิงคนอื่นๆ เพราะผู้หญิงข้ามเพศนั้นยังมีสรีระบางส่วนแบบผู้ชาย โดยเฉพาะมีมวลกระดูกที่หนาแน่นกว่า ทำให้ยกน้ำหนักได้เยอะกว่า
เรื่องนี้เป็นที่โต้เถียงกันในวงการกีฬามายาวนาน เพราะมันถูกมองได้จากหลายๆ มุม คนแปลงเพศก็อยากได้สิทธิเช่นหญิงแท้ แต่คนเป็นหญิงแท้ก็รู้สึกว่านี่คือความไม่เท่าเทียมทางกายภาพนั้นเอง
อ่านต่อที่นี่ คลิก
ขอบคุฯข้อมูลจาก lucabetasia