หากจะพูดถึงพลาสติกนั้นไม่ได้เป็นตัวอันตรายกับโลกของเรา แต่การใช้งานพลาสติกที่มากเกินความจำเป็นของมนุษย์ต่างหากล่ะที่ส่งผลเสียกับโลกและนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ขยะล้นโลก หรือการเกิดก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตพลาสติกและการเผาทำลายพลาสติกทิ้งอย่างผิดวิธี แต่เนื่องด้วยราคาและความสะดวกในการใช้งาน นั้นทำให้ปริมาณการใช้งานและจำนวนขยะพลาสติกที่รอการย่อยสลายนั้นพุ่งสูงขึ้นตามความต้องการและจำนวนประชากรโลกในปัจจุบัน ในขณะที่จำนวนพลาสติกที่ถูกนำกลับไปรีไซเคิลนั้นมีจำนวนน้อยมาก ทำให้ปัญหาขยะพลาสติกนั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินจะแก้ไข
โดยหลายประเทศทั่วโลกได้พยายามผลักดันโครงการรณรงค์ลดการใช้พลาสติก รวมถึงมีการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย นอกจากนี้ หากเรามีการแยกขยะพลาสติกตามประเภทของมันก็จะช่วยให้พลาสติกพวกนี้เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะกระบวนการหรือขั้นตอนการรีไซเคิลของพลาสติกนั้นมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทของพลาสติกชนิดนั้นๆ นั่นเอง
โดยเราจะสามารถแยกประเภทของพลาสติกได้จากสัญลักษณ์ลูกศรสามเหลี่ยมและตัวเลขของบนผลิตภัณฑ์พลาสติก แต่สำหรับผลิตภัณฑ์พลาสติกบางประเภทก็ไม่ได้มีตัวเลขกำกับอยู่ทุกครั้งไป ดั้งนั้นแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าพลาสติกที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นพลาสติกประเภทไหน และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงไหน?
PET/PETE เป็นพลาสติกที่มีลักษณะใส สามารถมองทะลุผ่านได้ เนื้อพลาสติกค่อนข้างมีความเหนียว อย่างเช่น ขวดน้ำเปล่า, น้ำอัดลม, น้ำมัน, เครื่องปรุงอาหารต่างๆ เป็นต้น โดยพลาสติกชนิดนี้นั้นเป็นพลาสติกแบบ Single Use ที่มีความนิยมผ่านกระบวนการรีไซเคิลมากที่สุด ซึ่งเมื่อนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลแล้วพลาสติกชนิดนี้สามารถนำเอาไปผ่านกระบวนการผลิตเพื่อขึ้นรูปเป็นขวดพลาสติกแบบเดิม หรืออาจเปลี่ยนเป็นเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ (Polyester Fiber) เพื่อนำเอาไปผลิตเป็นเสื้อผ้า, กระเป๋า, เสื้อชูชีพ, พรม หรือสิ่งทออื่นๆ ได้อีกด้วย
HDPE เป็นพลาสติกที่มีลักษณะสีขุ่นหรือสีทึบ ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้ มีเนื้อพลาสติกเหนียวและทนทานกว่าขวดแบบ PET และจัดได้ว่าเป็นพลาสติกเกรดที่ทีความปลอดภัยที่สุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด อย่างเช่น แกลลอนนม, ขวดแชมพู, กระปุกยา หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ นั่นเอง
PVC/V เป็นพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นและความเหนียวสูงมาก มักนำมาใช้ทำให้ลักษณะของแรปห่ออาหาร, ของเล่นสัตว์, ท่อ PVC, อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการก่อสร้าง, แฟ้มใส่เอกสาร, บัตรแข็ง, แผ่น Vinyl เป็นต้น พลาสติกชนิดนี้นับเป็นพลาสสติกที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากที่สุด รวมไปถึงกระบวนการ, ขั้นตอนการรีไซเคิลนั้นก็มีความยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง และเนื่องด้วยขยะพลาสติกประเภทนี้มีส่วนผสมของคลอรีนที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ทำให้การนำกลับไปใช้ซ้ำก็ค่อนข้างเป็นไปได้อย่างจำกัดนั่นเอง
LDPE เป็นพลาสติกที่มีลักษณะเป็นฟิล์มมีความยืดหยุ่นสูง เช่น ถุงพลาสติก, ขวดพลาสติกแบบบีบ, พลาสติกที่ใช้ห่อสิ่งของต่างๆ LDPE เป็นพลาสติกที่นับว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแต่ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้
PP เป็นพลาสติกที่มีลักษณะแข็ง, มีความทนทานสูง, น้ำหนักเบา และทนความร้อนได้ป็นอย่างดี เป็นพลาสติกที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างนานและสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้กด้วย อย่างเช่น ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, กระบอกน้ำดื่ม, บรรจุภัณฑ์อาหารที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้, กระเป๋าเดินทาง, ของเล่น, ชิ้นส่วนรถยนต์, เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ทำมาจากพลาสติก เป็นต้น แต่พลาสติกประเภทนี้บางอย่างก็ไม่ได้ถูกนำไปรีไซเคิล โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่เป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร เนื่องจากมีการปนเปื้อนจากอาหารสูง
PS เป็นพลาสติกที่มีลักษณะแข็งแต่ไม่มีความยืดหยุ่น, เปราะ, แตกหักได้ง่าย, น้ำหนักเบาแถมราคาถูก เช่น ช้อนส้อมพลาสติก, ฝาแก้วกาแฟ, กล่องใส่ซีดี รวมไปถึงโฟมต่างๆ และพลาสติกที่ใช้เคลือบพื้นผิวภายในกล่องนม, แก้ว,ถ้วยกระดาษ หรือบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่มีพลาสติกเคลือบทับไว้ก็จัดว่าเป็นพลาสติกประเภทนี้เช่นเดียวกัน พลาสติกประเภทนี้เป็นพลาสติกแบบ Single Use ที่สิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเลย เนื่องจากเป็นพลาสติกที่นิยมใช้งานกับอาหาร แต่ก็อาจปนเปื้อนจนไปสู่สารก่อมะเร็งได้ และเป็นขยะพลาสติกที่มักจะมีจุดจบลงที่กองขยะเนื่องจากมีขั้นตอนการรีไซเคิลที่ยุ่งยากมากๆ
Other เป็นพลาสติก เช่น กล่องไมโครเวฟ, ขวดนมเด็ก, ไฟเบอร์กลาส, ไนลอน เป็นต้น และถึงแม้ว่าพลาสติกประเภทนี้ส่วนมากจะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้เนื่องจากมีอายุการใช้งานค่อนข้างนานมากๆแต่ผู้ใช้ก็ควรที่จะต้องระมัดระวังสาร BPA (Bisphenol) ที่อาจปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายของเราได้ เพราะหากได้รับสารนี้ในปริมาณมากมันจะเข้าไปทำลายเซลล์สมอง, ระบบประสาท และระบบสืบพันธุ์ได้ จึงควรเลือกใช้พลาสติกที่ระบุว่า BPA Free ที่ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าแต่ก็มีความปลอดภัยที่มากกว่านั่นเอง
การแบ่งประเภทของพลาสติกนี้นั้นเป็นการแบ่งตามลักษณะของโครงสร้างพลาสติกที่ใช้ในการผลิตเพียงเท่านั้น เพราะผลิตภัณฑ์จากพลาสติกส่วนมากแล้วนั้นมักจะเป็นการนำเอาพลาสติกหลากหลายประเภทมารวมเข้าด้วยกันเป็นของชิ้นเดียวมากกว่า ตัวอย่างเช่น ขวดน้ำดื่มที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันเองก็ประกอบไปด้วยพลาสติกถึง 3 ประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกตัวขวดที่ใช้พลาสติกประเภท 1 (PET) ฝาขวดและวงแหวนคอขวดที่ทำมาจากพลาสติกประเภท 2 (HDPE) หรือ 5 (PP) และฉลากน้ำดื่มที่ทำมาจากพลาสติกประเภท 3 (PVC)
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตอนนี้เรานั้นยังไม่สามารถหาคำตอบว่าทำไมขวดน้ำต่างๆ ถึงยังมีฉลากพลาสติกพันรอบขวดอยู่ แต่เราก็คาดว่าบางคนอาจทดลองแยกขยะพลาสติกตามประเภทเพื่อให้ง่ายต่อการนำเอาไปรีไซเคิลมากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถช่วยโลกเซฟองโลกเราได้นอกเหนือไปจากการลดการใช้พลาสติกแบบ Single Use และการคัดแยกขยะตามประเภทของถังขยะสีต่างๆ
อ่านบทความอื่นๆต่อได้ที่ บาคาร่า